คลินิกภาษีร้านประดับยนต์

ร้านประดับยนต์เป็นธุรกิจที่จำหน่ายและบริการติดตั้ง อุปกรณ์เสริมตกแต่งรถยนต์ เช่น ฟิล์มกรองแสง ล้อแม็กซ์ ระบบเครื่องเสียง ระบบนำทางจีพีเอส (GPS) อุปกรณ์สัญญาณกันขโมย เป็นต้น

ดาวน์โหลด

PDF

เปิดใน

Flipbook

ให้คะแนนสินค้านี้

ปัจจัยในการเปิดร้าน

  • ทำเลที่ตั้ง
    ควรอยู่ริมถนน เพื่อให้ผู้คนที่ขับรถ ผ่านไปมาสังเกตเห็นได้ง่าย ประกอบกับควร มีที่จอดรถให้ผู้เข้ามารับบริการหรือเลือกชม สินค้าด้วย

  • สินค้า
    ควรมีสินค้าให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย ตามแต่ละประเภท ดังนั้นธุรกิจนี้จึงใช้เงิน ลงทุนค่อนข้างสูงทั้งจากค่าปรับปรุงสถานที่ และค่าซื้อสินค้ามาจำหน่าย

  • ช่างบริการ
    ช่างบริการติดตั้งหรือให้คำแนะนำคำ ปรึกษา ควรเป็นช่างที่มีความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ เป็นอย่างดีและมีทักษะ ความชำนาญในการ ติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ

  • ราคา
    โดยทั่วไป ธุรกิจประดับยนต์มีอัตรากำไร ที่ค่อนข้างสูง ทั้งจากราคาจำหน่ายอุปกรณ์ ตกแต่งรถและค่าบริการติดตั้ง รวมถึงกลุ่ม ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม ร้านควร ให้ความสำคัญในเรื่องความซื่อสัตย์ คุณภาพ ของสินค้า และงานบริการเป็นสำคัญ เพื่อให้ ธุรกิจดำเนินต่อได้ในระยะยาว

การเริ่มธุรกิจร้านประดับยนต์

เมื่อต้องการเริ่มธุรกิจร้านประดับยนต์ ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนธุรกิจได้ ตามรูปแบบของกิจการและสามารถเข้าสู่ ระบบภาษีได้โดยการขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ ในกรณีที่มีเงินได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท ต่อปีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนด้วย

การเตรียมเปิดร้านประดับยนต์

ในขั้นตอนการเตรียมธุรกิจร้าน ประดับยนต์ เราต้องเกี่ยวข้องกับภาษี ดังนี้

การซื้อสินค้า วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ ในการประกอบธุรกิจ

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม
    > เราต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นผู้ประกอบการ จดทะเบียนหรือไม่ เราจะถูกเรียกเก็บภาษี มูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 จากผู้ขายโดยผู้ ขายออกใบกำกับภาษีให้ซึ่งเราจะต้องจัดเก็บ ไว้เพื่อใช้สำหรับการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ในแต่ละเดือน (กรณีเป็นผู้ประกอบการจด ทะเบียน) และเพื่อเป็นหลักฐานในการรับรู้ รายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้
    > ในกรณีที่เราจดทะเบียนเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียน เราต้องจัดทำ รายงานภาษีซื้อและรายงานสินค้าและ วัตถุดิบด้วย

  • ภาษีศุลกากร
    หากมีการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และ เครื่องมือในการประกอบธุรกิจ เรามีหน้าที่ ต้องยื่นใบขนสินค้าขาเข้าซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
    > เริ่มจากการลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธี การศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรก เท่านั้น
    > ผ่านพิธีการนำเข้าสินค้าโดยต้องศึกษา เรื่องพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติมตามแต่ ละประเภทของสินค้าที่นำเข้า

    การจ้างลูกจ้าง
    ในกรณีที่เรามีลูกจ้าง เราต้องทำการ เสียภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งกรม สรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปที่ เราจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือโบนัส ฯลฯ

    การจัดหาสถานที่ตั้ง
    สำหรับผู้ให้เช่าต้องเสียภาษีเงินได้ ในฐานะที่มีรายได้จากการให้เช่าและต้อง เสียค่าอากรแสตมป์ตามมูลค่าของสัญญาเช่า ส่วนสำหรับผู้เช่าเฉพาะกรณีที่เป็นนิติบุคคล การจ่ายค่าเช่าต้องเสียภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายด้วยนะ

การจำหน่ายสินค้าประดับยนต์

เราสามารถจำหน่ายทั้งภายในประเทศ และจำหน่ายเพื่อการส่งออก ซึ่งมีรายละเอียด เกี่ยวกับภาษี ดังนี้

การจำหน่ายในประเทศ

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
    เราต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้งได้แก่
    > ครั้งแรกยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.94 ในเดือนกันยายนสำหรับเงินได้ในเดือน มกราคม-มิถุนายน
    > ครั้งที่ 2 ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.90 ในเดือนมีนาคมของปีถัดไปสำหรับเงินได้ ในเดือนมกราคม-ธันวาคม โดยนำภาษีที่จ่าย ครั้งแรกมาหักออกจากภาษีที่คำนวณได้ ในครั้งที่ 2

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล
    เราต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องยื่น แบบชำระภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงาน สรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือทางอินเทอร์เน็ตปีละ 2 ครั้ง ได้แก่
    > ภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนนับ ตั้งแต่วันครบ 6 เดือนของรอบระยะเวลาบัญชี
    > ภาษีเงินได้สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับ ตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี โดยนำภาษีที่จ่ายในครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี มาหักออกจากภาษีที่คำนวณได้เมื่อสิ้นรอบ เวลาบัญชี

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม
    > เราต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก ผู้ซื้อและออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเมื่อ ส่งมอบสินค้า
    > เรามีหน้าที่จัดทำรายงานสินค้าและ วัตถุดิบ รายงานภาษีขายและยื่นแบบภาษี มูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.30 ในแต่ละเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

    การส่งออกสินค้าเพื่อการจำหน่ายต่างประเทศ
    นอกจากการเสียภาษีเงินได้จากการ จำหน่ายสินค้าภายในประเทศแล้ว หากเรา ต้องการจำหน่ายสินค้าเพื่อการส่งออก เรา ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีมูลค่า เพิ่ม ซึ่งเสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 และยื่นใบ ขนของขาออกเพื่อผ่านพิธีการศุลกากรแบบ ไร้เอกสาร (Paperless) เพื่อเสียอากรขาออก ตามที่กฎหมายกำหนด

สิทธิประโยชน์ทางภาษี

• ผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชนที่มิใช่ นิติบุคคลและมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ต่อปี ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา*

• ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับการลดภาษี หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตราเร่ง และคิดรายจ่ายที่หักได้มากกว่า 1 เท่า

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลภาษีสินค้า อื่นๆ