‘ไข่เค็มไชยา” ของขึ้นชื่อประจำ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยความโดดเด่นและมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่น คือ ไข่ฟองโต ไข่แดงมีสีแดงจัดและมัน รสชาติอร่อยกลมกล่อม และไม่เค็มจัด ทำให้ไข่เค็มไชยามีชื่อเสียงเป็นที่ต้องการของตลาด และสร้างมูลค่าทางการค้าถึงปีละเกือบ 10 ล้านบาท นับได้ว่าเป็นการนำภูมิปัญญาด้านการถนอมอาหารมาสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และชุมชนได้ไม่น้อย
ผลิต | จำหน่าย | ส่งออก |
---|---|---|
จดทะเบียน: สหกรณ์ นิติบุคคล วิสาหกจิ ชุมชน หรือกลมุ่ บุคคลอนื่ ๆ | ||
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร | ||
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (หากมีรายได้จากการขายไข่เค็มเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) | ||
ออกใบกำกับภาษี (กรณีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ลงทะเบียน Paperless | |
จัดทารายงานภาษี (กรณีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ขั้นตอนพิธีการส่งออก | |
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ | ขอยกเว้น/ขอคืนภาษี | |
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) | จัดทำรายงานภาษี | |
ยื่นแบบฯ และเสียภาษี |
หากคุณหรือชุมชนของคุณกำลังอยู่ในธุรกิจนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ไข่เค็มไชยา" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว หรืออยู่ในพื้นที่อื่นที่ประสบความสำเร็จในการผลิตและจำหน่ายไข่เค็ม รวมถึงผู้มีความคิดที่จะเริ่มต้นนำความเชี่ยวชาญในการถนอมอาหารมาผลิต "ไข่เค็ม" เพื่อวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ แต่ยังกังวลเกี่ยวกับการจดทะเบียนทางธุรกิจ รวมถึงสับสนเรื่องการชำระภาษีอย่างถูกต้อง เราขอแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ตั้งแต่ก้าวแรกดังต่อไปนี้
การจะแปลงภูมิปัญญามาเป็นรายได้โดยเริ่มเข้าสู่ธุรกิจอย่างเต็มตัวนั้น สิ่งแรกที่คุณควรศึกษาคือ "รูปแบบการประกอบกิจการ" ซึ่งไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ขอเพียงคุณทราบว่าธุรกิจไข่เค็มของคุณนั้นจะมีลักษณะเป็นธุรกิจที่ดำเนินการแบบใดบ้าง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ลักษณะ ได้แก่
เมื่อทราบแน่ชัดแล้วก็ถึงเวลาที่คุณต้องไป จดทะเบียนประกอบกิจการ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเป็นกิจการแบบใด แต่ส่วนใหญ่แล้วธุรกิจไข่เค็มของคนไทยมักมีลักษณะเป็น วิสาหกิจชุมชน ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป หรืออาจเป็นธุรกิจที่ จดทะเบียน OTOP ด้วย
หลังจากจดทะเบียนประกอบกิจการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร รวมถึง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ของกรมสรรพากร (กรณีที่คุณมีรายได้จากการขายเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือรายได้ไม่เกินแต่ต้องการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้เช่นกัน) เพียงเท่านี้คุณก็ก้าวผ่านขั้นแรกของการเริ่มธุรกิจ "ไข่เค็ม" แล้ว
เมื่อจดทะเบียนประกอบกิจการเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตไข่เค็มตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาของแต่ละครอบครัว/ท้องถิ่น เพื่อให้ได้ไข่เค็มที่อร่อย มีคุณภาพ ออกมาวางขายในตลาด ทำเงินเข้ากระเป๋าให้กับเจ้าของธุรกิจ
ซึ่งในขั้นตอน "ไข่เค็ม" ทำเงินนี้ มีภารกิจสำคัญที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณต้องดำเนินการเพิ่มเติมคือ การจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ และ รายงานแสดงรายได้และรายจ่าย โดยการลงรายการนั้นให้ลงภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่จำหน่าย เพื่อใช้สำหรับยื่นแบบแสดงรายการภาษี และการชำระ ภาษีเงินได้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ คุณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ในเขตท้องที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click
ซึ่งนอกจากการเสียภาษีให้แก่ภาครัฐแล้ว คุณยังสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ถือเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่งจากการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ตรงตามกำหนดเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด
กรณีคุณประกอบธุรกิจไข่เค็มในรูปแบบของ "สหกรณ์" ซึ่งจำหน่าย ไข่เค็มดิบ พอกด้วยดินผสมเกลือ ซึ่งอยู่ในลักษณะที่รักษาสภาพไว้เพื่อไม่ให้เสีย เพื่อการขายปลีกหรือขายส่ง โดยบรรจุในถุงพลาสติกและใส่กล่องกระดาษผูกด้วยเชือกฟาง ซึ่งเมื่อเปิดยังคงสภาพในรูปรอยเดิมอยู่...
คุณจะ ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (3) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.29/2535ฯ ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2535
**(หนังสือเลขที่ กค 0706/พ./10667 วันที่ 6 ธันวาคม 2545 เรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีจำหน่ายไข่เค็ม)
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ผลิต" "จำหน่าย"
ในปัจจุบันอาหารไทยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดในประเทศเท่านั้น แต่เรายังมีศักยภาพที่จะส่งอาหารไทยออกไปให้ชาวต่างชาติได้ลองลิ้มชิมรสจนเป็นที่ถูกปากหลายรายการ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะส่งออก ‘ไข่เค็ม’ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในครัวไทย ออกไปสู่ครัวโลก เพื่อดึงเม็ดเงินกลับเข้าประเทศ โดยคุณสามารถเริ่มต้นขั้นตอนการส่งออกง่ายๆ ด้วยการ ลงทะเบียนขอเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรแบบ Paperless (ลงทะเบียนครั้งแรกเท่านั้น) ก็สามารถเข้าสู่ พิธีการส่งออกสินค้า ได้เลย
แต่ที่สำคัญคือคุณต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งผ่านการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว และต้องไม่ลืม จัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ พร้อม ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ภาษีเงินได้ด้วย
ไข่เค็มนั้นเป็นอาหารที่ทำง่าย ขั้นตอนไม่ซับซ้อน และมักเป็นภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ทำให้โดยปกติแล้ววัตถุดิบในการผลิตไข่เค็มจึงหาได้ภายในประเทศ
แต่หากคุณคิดจะ นำเข้าวัตถุดิบ บางชนิดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ‘ไข่เค็ม’ ของคุณ เช่น ไข่เป็ดดิบ เกลือ ดิน หรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแต่คุณต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน (จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว) ต้อง ลงทะเบียนขอเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรแบบ Paperless และเข้าสู่ พิธีการนำเข้า โดยต้องศึกษา พิกัดศุลกากร ของสินค้าที่จะนำเข้าให้ดีเพราะต้องนำมาคำนวณภาษีที่คุณต้องจ่ายก่อนนำสินค้าเข้าประเทศ
รายการ | พิกัดศุลกากร | อัตราอากรขาเข้า |
---|---|---|
ไข่เค็ม | 0407.90.20 | 27% |
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp
รวมทั้งคุณต้อง จัดทำรายงานภาษีซื้อ และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปด้วย
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "นำเข้า" "ส่งออก"
หากคุณเริ่มต้นธุรกิจด้วยการจดทะเบียนและชำระภาษีอย่างถูกต้อง คุณก็มีสิทธิที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งในฐานะ วิสาหกิจชุมชน ที่ไม่ใช่นิติบุคคล และมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท คุณจะได้รับการ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน" )
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจของคุณในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs โดย การลดอัตราภาษี หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมในอัตราเร่ง และ การคิดรายจ่ายที่หักได้มากกว่า 1 เท่า และในกรณีที่คุณส่งออกไข่เค็มไปทำตลาดในต่างประเทศ คุณยังมีสิทธิได้รับ การชดเชยค่าภาษีอากร อีกด้วย
ผู้ส่งออกไข่เค็มจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร โดยได้รับอัตราชดเชยค่าภาษีอยู่ที่ร้อยละ 0.01 ของราคาส่งออก ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรที่ อ 2/25555 เรื่อง กำหนดอัตราเงินชดเชยค่าภาษีอากร
** สิทธิประโยชน์ทางภาษีของธุรกิจ SMEs
“น้ำพริก” อาหารพื้นเมืองที่มีอยู่ในสำรับกับข้าวคนไทยมาตั้ง...
คือธุรกิจที่บริการด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่อาคารสถานที่และทรัพย์สินของ ลูกค้าหรือผู...
“กระจูด” เป็นพืชตระกูลกกที่ถูกคัดเลือกให้เป็นวัตถุดิบสำคัญ...
มะม่วงเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่รสชาติถูกปาก ประโยชน์หลากหลายถูกใจ มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวและแป...
ท่ามกลางกระแสท่องเที่ยวกำลังเริ่มฟื้นตัวและมาแรง ทัศนียภาพสวยงาม สามารถสร้างเม็ดเงินจาก...
ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นครัวโลก “อาหารฮาลาล” ของชา...
ร้านขายอะไหล่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ หรือรถจักรยานเป็นธุรกิจที่ได้ผลดีจากการเพิ่มจำนวน...
“ปลาสลิด” จัดเป็นสัตว์น้ำยอดนิยมที่ถูกนำมาแปรรูป ถนอมความส...
"ภาษีสุรา" ...ง่าย และได้ช่วยชาติ
ใน...
ในปัจจุบันธุรกิจร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้รับความนิยม อย่างมากตามกระแสของคนรุ่นใหม่ท...
"ปลากะตัก" สัตว์น้ำเศรษฐกิจของผู้ประกอบการแนวชายฝั่งอันดามัน...
ร้านขายเสื้อผ้ามีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในที่นี้ เราเน้นที่ธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้า นั่...
"ผ้าฝ้าย" สินค้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ทรงอิทธิพลต่อระบบเศรษฐก...
หากคุณกำลังคิดสร้างรายได้โดยเล็งตลาดอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์เอาไว้ “ผลิตภ...
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น” ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากสถานีวิทยุชุมชน เนื่องจากสื่อ โทรทัศน์ส...
ธุรกิจสถานบันเทิงที่มีบริการให้ร้องเพลง (คาราโอเกะ) จะมีอยู่ 2 แบบ คือ ธุรกิจที่ให้บริก...
กลิ่นอันหอมหวนและเสน่ห์อันเย้ายวนของ "น้ำหอม" นั้น ดึงดูดผู้...
ปัจจุบันร้านหรือโรงงานผลิตเสื้อยืดสกรีนเกิดขึ้นมากมาย มีทั้งออกแบบและสกรีนเสื้อขายด้วยต...
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ลำไยอบแห้ง” เป็นหนึ่งในบรรดาของฝากยอดฮ...
ขนมไทยที่เราคุ้นเคยกันดี นอกจากเป็นของที่มีคุณค่าแล้ว ในเชิงมูลค่า “ขนมไทย”...