ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย "กาแฟ"ก็ยังคงรักษาสถานะเครื่อง ดื่มยอดนิยมระดับโลกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านรสชาติละมุนนุ่มลิ้น และกลิ่นหอมเข้ม ที่คอกาแฟยอมศิโรราบ ทำให้ธุรกิจและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกาแฟมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
ซึ่งการจะประสบความสำเร็จกับการเป็นผู้ประกอบการ "กาแฟ" นอกจากการคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว การพัฒนาคุณภาพ ราคา รวมถึงการตลาดแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ ความรู้ความเข้าใจเรื่อง "ภาษี" เพื่อให้ธุรกิจของคุณได้เตรียมพร้อมรองรับการเติบโตอย่างถูกต้อง มั่นคง และมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคต...
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร | |||
ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (เมื่อมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี) | |||
จดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า | |||
นำเข้า | ผลิต | จำหน่าย | ส่งออก |
---|---|---|---|
ลงทะเบียน Paperlesss | จดทะเบียนสรรพสามิต
- แจ้งวันเวลาทำการผลิต - แจ้งราคาขาย - ทำบัญชีประจำวัน และงบเดือน - ยื่นแบบรายการ และชำระภาษีสรรพสามิต |
ออกใบกำกับภาษี และจัดทำรายงานภาษี
(กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ลงทะเบียน Paperless |
ขั้นตอนพิธีการนำเข้า | ขอมาตรฐาน อย. | ขั้นตอนพิธีการส่งออก | |
ขออนุญาตนำเข้ากาแฟตาม พ.ร.บ.กักพืช | ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ | ขออนุญาตส่งออกกาแฟ กับกรมการค้าต่างประเทศ | |
รายงานข้อมูลต่อ ICO | ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ขอมาตรฐาน อย. | |
ขอมาตรฐาน อย. | จัดทำรายงานภาษี | ||
จัดทำรายงานภาษี | ยื่นแบบฯ และเสียภาษี | ||
ยื่นแบบฯ และเสียภาษี |
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำจาก "เมล็ดกาแฟคั่ว" ซึ่งได้มาจากต้นกาแฟ ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกต้นกาแฟมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทยนิยมปลูกกาแฟ 2 สายพันธุ์ คือ
การเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟเพื่อจำหน่าย หรือจะผลิตกาแฟสำเร็จรูป ไม่ว่าจะส่งขายในประเทศหรือส่งออกโกอินเตอร์ก็ตาม หน่วยงานภาครัฐที่ผู้ประกอบการจะต้องเข้าไปติดต่อเพื่อเริ่มต้นธุรกิจนั้น ก็คือ...
- กรมสรรพากร: ผู้ประกอบการประเภทบุคคลธรรมดา และ/หรือนิติบุคคล จะต้อง "ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร" กับกรมสรรพากร ซึ่งนับเป็นขั้นตอนแรก เพื่อยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเถ้าแก่ผลิตภัณฑ์กาแฟ เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม การออกใบกำกับภาษี และ การจัดทำรายงานภาษี เป็นต้น
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า: ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าอะไร อย่างเดียวหรือหลายอย่างก็ตาม หากคิดรวมทั้งสิ้นในวันหนึ่งขายได้เป็นเงินตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป หรือมีสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อขายมีค่ารวมทั้งสิ้นเป็นเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ต้อง จดทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- กรมสรรพสามิต: ผู้ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์กาแฟจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนสรรพสามิตภายใน 30 วันก่อนเริ่มผลิตสินค้าและยื่นแบบรายการภาษีเพื่อชำระภาษีสรรพสามิต ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์กาแฟของคุณมีส่วนผสมตามที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดคุณสามารถยื่นคำขอยกเว้นภาษีสรรพสามิตนั้นได้
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: ผลิตภัณฑ์กาแฟแทบทั้งหมด คือ “อาหาร” ที่มีการบริโภคผ่านเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น จึงต้องเกี่ยวข้องกับองค์กร ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและรับรองมาตรฐานอาหารอย่าง “อย.” นั่นเอง
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ผลิต"
การจะเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟ เมล็ดกาแฟ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ นอกจาก การจดทะเบียนพาณิชย์ การขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้ว คุณยังต้องเกี่ยวข้องกับองค์กรอื่นๆ อีกดังนี้
- กรมศุลกากร: ผู้ประกอบการที่จะนำเข้าวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าใดๆ ก็ตาม ต้องลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรนำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากรเสียก่อน (ลงทะเบียนครั้งแรกเท่านั้น) จากนั้นจึงทำ พิธีการนำเข้าทางศุลกากร ตามด่านศุลกากรหรือช่องทางที่นำเข้ามา ได้แก่ ทางอากาศ ทางเรือ ทางบก หรือทางไปรษณีย์ และต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อและรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ด้วย
รายการผลิตภัณฑ์กาแฟ | พิกัดศุลกากร | อัตราอากรขาเข้า |
---|---|---|
กาแฟผสมได้ทันที | 2101.11.10 | 60% |
กาแฟสกัด หรือ หัวเชื้อ | 2101.11.90 | 60% |
กาแฟคั่ว บด | 0901.21.20 | 40% หรือ 4 บาท/กิโลกรัม |
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp
- กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์: ถ้าคุณใช้วัตถุดิบในการผลิตเป็นกาแฟจากต่างประเทศ คุณจะต้องยื่นคำร้องเพื่อขอรับ หนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีในโควตาตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก ก่อนการนำเข้ากับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นชำระภาษีนำเข้ากับกรมศุลกากร
"กาแฟ" มีรายละเอียดที่แตกต่างจากสินค้าอื่นตรงที่ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้เป็น สินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
โดยในการส่งออกก็จะต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ (International Coffee Organization: ICO) ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก
ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขให้สมาชิกรายงานข้อมูลให้ ICO ทราบ ตามข้อบังคับขององค์การเพื่อติดตามสถานการณ์ส่งออกและนำเข้านั่นเอง
นอกจากนี้ กาแฟยังเป็นสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการกรมการค้าภายในประกาศกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม อีกด้วย
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดให้กาแฟเป็น สินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามพระราชบัญญัติกักพืช ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้วยเช่นกัน
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "นำเข้า"
หากคุณเป็นผู้ประกอบการผลิต และ หรือนำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบเพื่อทำธุรกิจอยู่แล้ว แสดงว่าคุณได้ผ่าน ขั้นตอนทางภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวกับกรมสรรพากร และผ่าน "พิธีการลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้า-ส่งออก" กับกรมศุลกากรมาแล้ว ดังนั้น... ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่หากคุณไม่เคยนำเข้าสินค้าใดๆ ไม่ได้เป็นผู้ผลิตคุณต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์ ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรกับกรมสรรพากร และ ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก (แบบ Paperless) กับกรมศุลกากรให้เรียบร้อยก่อน
ซึ่งก่อนทำการส่งออกจะต้องผ่าน ขั้นตอนการผ่านพิธีการส่งออกสินค้า ของกรมศุลกากรตาม คู่มือพิธีการส่งออกทางอิเล็กทรอนิกส์ (e–Export) พร้อม จัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ
และเนื่องจาก "กาแฟเป็นสินค้าควบคุมการส่งออก" ดังนั้น ก่อนจะส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟคุณจะต้องติดต่อกับกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขออนุญาตส่งออกกาแฟ และยื่นตรวจสอบหลักเกณฑ์การพิจารณาคำขอโฆษณาอาหารต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
การอนุญาตให้ส่งออกกาแฟ แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
การผลิตกาแฟออกจำหน่ายไม่ว่าจะ "นำเข้าเพื่อจำหน่าย" "ผลิตเพื่อจำหน่าย-ส่งออก" หรือ "เป็นผู้ส่งออก" ทั้งกาแฟสดคั่ว หรือกาแฟสำเร็จรูปก็ตาม สิ่งที่คุณต้องทำคือ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีพร้อมเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ดังนี้
- ภาษีเงินได้ เมื่อมีรายได้การขายผลิตภัณฑ์กาแฟ ทั้งขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ คุณก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามรูปแบบธุรกิจ คือ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกระบวนการผลิตกาแฟ ไม่ว่าจะการปลูก คั่ว ผลิต บรรจุ ขนส่ง ฯลฯ ต้องมีการว่าจ้างแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง กระบวนการด้านภาษีที่ต้องดำเนินการในขั้นตอนนี้ คือ เมื่อคุณจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการให้กับพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงาน ต้องมีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทุกครั้ง
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม หากคุณต้องซื้อ หรือนำเข้าเมล็ดกาแฟ ผลิตภัณฑ์กาแฟ รวมทั้งการซื้อวัตถุดิบอื่น เช่น ปุ๋ย วัสดุอุปกรณ์ ห่อบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ราคาที่คุณซื้อมักบวกภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว เท่ากับว่าคุณเป็นผู้เสียภาษีในส่วนนี้ และเมื่อถึงคราวที่จะต้องขายผลผลิตของคุณบ้าง การตั้งราคาขายอาจมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปได้ ซึ่งลูกค้าของคุณจะกลายเป็นผู้เสียภาษีนี้แทน แต่ที่สำคัญคือคุณต้องออกใบกำกับภาษีหรือบิลเงินสดให้ลูกค้าไว้เป็นหลักฐานด้วย
และในกรณีที่มีรายรับจากการขายผลิตภัณฑ์กาแฟได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี คุณต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้ต่อกรมสรรพากร หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click
สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง
ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน"**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "จำหน่าย"
ความนิยมของ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร”หรือที่เราเรียกอย่างติดปากว่า “อาห...
ธุรกิจ “รถรับจ้าง” คือ ธุรกิจที่ให้บริการรถเช่าเหมาคัน (มักเป็นรถตู้หรือรถก...
ร้านถ่ายเอกสาร” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้สถานศึกษา หรือใกล...
คือธุรกิจที่บริการด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่อาคารสถานที่และทรัพย์สินของ ลูกค้าหรือผู...
ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างต้องช่วยกัน ทำง...
มักพบได้ตามแหล่งชุมชุนหรือหมู่บ้านต่างๆ โดยให้บริการอินเทอร์เน็ตและเกมออนไลน์ ต่างๆ โดย...
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น” ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากสถานีวิทยุชุมชน เนื่องจากสื่อ โทรทัศน์ส...
“ผ้าไหม” มรดกแห่งภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน ถือ...
‘ไวน์ผลไม้” กำลังเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจ...
ขนมเบเกอรี่” เป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทุกวัย ถ้าผู้ที่สนใจ ในธุรกิ...
ในการประกอบกิจการนอกเหนือจากความถนัดในวิชาชีพแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความรัก เ...
ร้านขายของชำ หรือร้านโชห่วย มักอยู่ตามตลาดหรือแหล่งชุมชน
โดยร้านขายของชำจะไปซื้อ...
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ สมาร์ทโฟน ไอแพด คอมพิวเตอร์ คอมพิวเ...
ซอสปรุงรส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรุงแต่งรสชาติอาหารของเราให้อร่อยกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมยิ...
ผ้าขนหนู” มีหลากหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งานอาทิ ผ้าเ ช็ดตัว...
‘ไข่เค็มไชยา” ของขึ้นชื่อประจำ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยความโดดเ...
ปัจจุบันเรื่องความสวยความงามกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหน วัยใดล้ว...
ของเล่น เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถใช้ในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ ได้ ซึ่งแต่ละ ช่วงอาย...
ธุรกิจสถานบันเทิงที่มีอาหารและการแสดงเป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น และว...