นำเข้า | ผลิตและจำหน่าย | ส่งออก |
---|---|---|
จดทะเบียนการค้า/จดทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า | ||
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร | ||
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) | ||
ลงทะเบียน Paperless ขั้นตอนพิธีการนำเข้า จัดทำรายงานภาษี ยื่นแบบภาษีเงินได้ ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ออกใบกำกับภาษี (ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) จัดทำรายงานภาษี (ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) ยื่นแบบภาษีเงินได้ ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ลงทะเบียน Paperless ขั้นตอนพิธีการส่งออก ขอยกเว้น/ขอคืนภาษี จัดทำรายงานภาษี ยื่นแบบภาษีเงินได้ ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ มีห่วงโซ่ที่เชื่อมร้อยกันหลายขั้นกว่าจะสำเร็จออกมาเป็นเครื่องประดับสวยๆ มูลค่าสูง สร้างรายได้ให้กับเจ้าของธุรกิจ เริ่มตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ คือ การทำเหมืองแร่/เหมืองพลอย ขั้นต่อมาหรืออุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้แก่ การค้าและการเพิ่มมูลค่าให้กับพลอยดิบ เช่น การเผาหรือหุงพลอย การเจียระไน จนมาถึงอุตสาหกรรมปลายน้ำ คือ การจัดจำหน่าย และส่งออก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแหล่งพลอยคุณภาพในประเทศไทยหาได้ยากมากแล้ว ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับของไทยจึงอยู่ในอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำเป็นส่วนใหญ่ ผู้ที่เข้าสู่ธุรกิจนี้จึงมักจะเน้นการนำเข้า จำหน่าย และส่งออกเป็นหลัก ซึ่งเส้นทางสายนี้คุณสามารถเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นธุรกิจและชำระภาษีอย่างถูกต้องได้
อัญมณี หมายถึง แร่ หรือหิน หรือสารอนินทรีย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือได้มาจากสิ่งมีชีวิต (เช่น มุก ปะการัง อำพัน เป็นต้น) หรือสารที่สังเคราะห์ให้มีส่วนประกอบทางเคมี กายภาพ และทางแสงเหมือนแร่ธรรมชาติ ซึ่งอัญมณีจะต้องมีคุณสมบัติหลัก 3 ประการ คือ ความงาม ความคงทนถาวร และความหายาก
ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่จะใช้อัญมณีเป็นเครื่องประดับตกแต่งในร่างกายเพื่อเสริมบารมีและเป็นมงคลแก่ชีวิต สามารถเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลาน และยิ่งนานวันมูลค่าของสินค้ายิ่งเพิ่มขึ้น
ขั้นแรกของการเริ่มต้นธุรกิจอัญมณี คือ การนับหนึ่งจากการจดทะเบียนการค้า/ทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ จากนั้นก็ยื่นขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร รวมถึงในกรณีที่มีรายได้จากการขายอัญมณีเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี คุณต้องยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร
ทั้งนี้ หากรายได้ไม่เกินนี้แต่ต้องการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน และ/หรือต้องการจะนำเข้าวัตถุดิบหรือส่งออกอัญมณี ก็ต้องยื่นขอจดทะเบียนเช่นกัน เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมจะทำธุรกิจสวยๆ งามๆ ที่มีมูลค่าผลตอบแทนสูงลิบลิ่วแล้ว
ปัจจุบันธุรกิจอัญมณีส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าจากต่างประเทศ เนื่องจากแหล่งผลิตในประเทศไทยแทบจะไม่มีแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจอัญมณีส่วนใหญ่จึงต้องศึกษาขั้นตอนในการนำเข้าโดยเริ่มตั้งแต่การลงทะเบียนในระบบพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) ซึ่งลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการผ่านพิธีการนำเข้าสินค้า ทางด่านศุลกากร ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ และทางไปรษณีย์ ซึ่งคุณต้องศึกษาเรื่องพิกัดศุลกากรที่เกี่ยวข้องให้ดีเพื่อนำมาคำนวณภาษี เช่น พลอยชนิดต่างๆ เครื่องจักร และอื่นๆ เช่น
รายการ | พิกัดศุลกากร | อัตราอากรขาเข้า |
---|---|---|
อัญมณี | 7103.10.00 | ไม่ต้องเสียอากร |
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp
ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจอัญมณีในฐานะผู้นำเข้าจะต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อและรายงานสินค้าและวัตถุดิบ (และ/หรือรายงานสินค้าและวัตถุดิบ สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าหรือขายอัญมณี ทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม)
จากนั้นเมื่อมีรายได้จากการประกอบธุรกิจนำเข้า เพื่อซื้อมา-ขายไป หรือนำเข้าวัตถุดิบไปผลิตสินค้าจำหน่ายแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการยื่นแบบภาษีเงินได้ และยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ธุรกิจอัญมณีของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องและช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ
ที่มา: สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ “นำเข้า”
เมื่อคุณจดทะเบียนธุรกิจ และมีสินค้าในมือซึ่งอาจได้จากการนำเข้าหรือนำมาผ่านกระบวนการเผาและเจียระไนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการรังสรรค์เป็นเครื่องประดับสวยๆ แล้ว ก็ถึงเวลาที่ "อัญมณี" จะทำเงินให้คุณด้วยการวางจำหน่ายสินค้าที่ทรงคุณค่านี้ในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ
ในขั้นตอนนี้คุณจะมีภาระทางภาษีที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยได้แก่ การจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ (และ/หรือรายงานสินค้าและวัตถุดิบ สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าหรือขายอัญมณี ทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม) รวมถึงการชำระภาษีเงินได้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องนั่นเอง
สำหรับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าจนมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจาก ภาษีขาย หักด้วย ภาษีซื้อ
เพื่อสนับสนุนและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับของโลก รัฐจึงได้ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ที่มีรายได้จากการขาย
และได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำรายได้จากการขายอัญมณีดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ทั้งนี้ คุณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ในเขตท้องที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ “ผลิต” “จำหน่าย”
นอกเหนือจากการทำรายได้ด้วยการวางจำหน่ายในประเทศแล้ว ตลาดส่งออกก็ทำเงินให้กับธุรกิจนี้ไม่น้อย โดยประเทศไทยมีตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง เบลเยียม อิสราเอล และสหราชอาณาจักร
ซึ่งในขั้นตอนการส่งออกนี้ หากคุณเป็นผู้ประกอบการผลิต และ/หรือนำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบเพื่อทำธุรกิจอยู่แล้ว แสดงว่าคุณได้ผ่านขั้นตอนทางภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวกับกรมสรรพากร และผ่านพิธีการลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากรมาแล้ว ดังนั้น... ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย
แต่หากคุณไม่เคยนำเข้าสินค้าใดๆ คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการลงทะเบียนขอเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรแบบ Paperless จากนั้นเข้าสู่พิธีการส่งออกสินค้าได้เลย โดยต้องทำการศึกษาพิกัดศุลกากรสินค้าขาออกที่เกี่ยวกับอัญมณีให้ดี และที่สำคัญต้องไม่ลืมจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ พร้อมทั้งยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ เพื่อช่วยกันนำเงินกลับมาพัฒนาประเทศ
สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง
ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน"
** สิทธิประโยชน์ทางภาษีของธุรกิจ SMEs
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ส่งออก"
“น้ำมันมะพร้าว” สินค้ายอดฮิตของผู้ประกอบการ ทั้ง OTOP วิสา...
ซอสปรุงรส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรุงแต่งรสชาติอาหารของเราให้อร่อยกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมยิ...
“เครื่องถมและเครื่องเงินลงยา” เป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูงอีก...
“เครื่องประดับเงิน” เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดจากรุ...
"ผ้าฝ้าย" สินค้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ทรงอิทธิพลต่อระบบเศรษฐก...
เครื่องดื่มประเภท “น้ำชา” นอกจากช่วยดับกระหายคลายง่วงแล้ว ...
ธุรกิจร้านอาหาร” มีอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ จำ...
จากสินค้าที่เป็นที่รู้จักและซื้อขายกันเฉพาะในท้องถิ่น ปัจจุบัน " มีดอรัญญิ...
ร้านขายเสื้อผ้ามีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในที่นี้ เราเน้นที่ธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้า นั่...
ตลาดผลิตภัณฑ์สบู่ในไทยนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผกผันเพียงใด แต่มูล...
ของเล่น เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถใช้ในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ ได้ ซึ่งแต่ละ ช่วงอาย...
“ผ้าทอเกาะยอ” หรือ “ผ้าเกาะยอ”...
"ดอกไม้ประดิษฐ์" งานฝีมือจากสมองและสองมือของคนไทย กลายเป็นอา...
‘ไวน์ผลไม้” กำลังเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจ...
ร้านขายดอกไม้” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากดอกไม้สามารถใช้...
ธุรกิจร้านนวดแผนโบราณเป็นการนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อเท่านั้น ไม่ครอบคลุม การนวดเพื่อ...
“ปลากระป๋อง” อาหารแปรรูปบรรจุกระป๋องที่รับประทานง่ายและหาซ...
ในปัจจุบันธุรกิจร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้รับความนิยม อย่างมากตามกระแสของคนรุ่นใหม่ท...
หินอ่อนและหินแกรนิต เป็นสินค้าที่จัดอยู่ในประเภทหินประดับ ก่อให้เกิดมู...
ธุรกิจ “รถรับจ้าง” คือ ธุรกิจที่ให้บริการรถเช่าเหมาคัน (มักเป็นรถตู้หรือรถก...