จดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า | |||
ขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน และขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานทอผ้า | |||
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร | |||
ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (เมื่อมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี) | |||
นำเข้า | ผลิต | จำหน่าย | ส่งออก |
---|---|---|---|
ลงทะเบียน Paperless |
ออกใบกำกับภาษี (กรณีผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
การรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม | |
ขั้นตอนพิธีการนำเข้า |
จัดทำรายงานภาษี (กรณีผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
การรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม | |
จัดทำรายงานภาษี | ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ | ลงทะเบียน Paperless | |
ยื่นแบบฯ และเสียภาษีกับกรมสรรพากร |
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
ขั้นตอนพิธีการส่งออก | |
จัดทำรายงานภาษี | |||
ยื่นแบบฯ และเสียภาษีกับกรมสรรพากร |
ผ้าไหมไทย นับว่าเป็นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่า เป็นภูมิปัญญาที่น่าภูมิใจของคนไทย และเป็นการสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้ามาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์และความผูกพันระหว่างธรรมชาติกับวิถีชีวิตของคนไทยในแต่ละภูมิภาค
ณ วันนี้ผ้าไหมไทยจึงมิใช่เป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน แต่ทุกเส้นใยที่สอดประสานจนเกิดเป็นลวดลายแห่งศิลปะบนผืนผ้า คือมรดกอันล้ำค่าแห่งภูมิปัญญาของบรรพชนไทย ที่อนุชนรุ่นหลังควรร่วมมือร่วมใจกันส่งเสริม สืบสาน และอนุรักษ์ให้อยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไป
ผู้ประกอบการ “ผ้าไหม” ต้องเริ่มต้นธุรกิจด้วยการจดทะเบียนพาณิชย์ตาม “คู่มือการจดทะเบียนพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499” กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ภายใน 30 วันนับแต่เริ่มดำเนินกิจการ ซึ่งปัจจุบันสามารถยื่นจดทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตที่ Click
ขั้นตอนต่อไปคือ การขออนุญาตจัดตั้งโรงงานและขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยแบ่งกลุ่มโรงงานออกเป็น 3 จำพวก ดังนี้
โรงงานจำพวกที่ | ลักษณะโรงงาน | การขออนุญาต |
---|---|---|
1. | เครื่องจักรไม่เกิน 5 แรงม้า และคนงานไม่เกิน 20 คน ซึ่งไม่มีการฟอก ย้อมสี | ไม่ต้องขออนุญาต |
2. | เครื่องจักรไม่เกิน 20 แรงม้า และคนงานไม่เกิน 50 คน ซึ่งไม่มีการฟอก ย้อมสีและไม่จัดอยู่ในจำพวกที่ 1 | ขออนุญาตก่อนดำเนินการ |
3. | เครื่องจักรเกิน 20 แรงม้า หรือคนงานเกิน 50 คน หรือโรงงานทุกขนาดซึ่งมีการฟอกย้อมสี | ต้องได้รับอนุมัติก่อนดำเนินการ |
โรงงานทุกจำพวกต้องมีบ่อบำบัดน้ำเสียตามข้อกำหนด |
จากนั้นต้องขอมีเลขและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 13 หลัก (เปลี่ยนจาก 10 หลัก เป็น 13 หลัก เมื่อ 1 ก.พ. 2555) ปัจจุบันฐานข้อมูลนี้ได้ถูกเชื่อมโยงกับ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการติดต่อกับหน่วยงานราชการทั้ง 3 หน่วย
เรื่องที่คุณอาจดำเนินการลำดับถัดไปคือ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจผลิต/จำหน่ายผ้าไหมอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีรายรับจากยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (หากไม่เกินก็สามารถยื่นขอจดได้ เพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนกับกรมสรรพากร หรือต้องการเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากร) โดยยื่นจดก่อนวันเริ่มประกอบการ เพราะจะได้ประโยชน์ในการขอคืนภาษีกรณีก่อสร้างโรงงาน/อาคาร หรือซื้ออุปกรณ์สำนักงาน โดยยื่นแบบ ภ.พ.30 (เป็นรายเดือนภาษี) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร
โดยหน้าที่ที่ตามมาหลังคุณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มคือ คุณต้องจัดทำรายงานภาษีเพื่อใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป
ทั้งนี้ กรณีมีดอกเบี้ยรับจากการให้กรรมการกู้ยืมเงิน คุณต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT) เพราะถือเป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ (ตามมาตรา 91/2, 91/5, 91/6) ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะรวม 3.3%
โดยคำนวณเป็นรายเดือนภาษี SBT = รายรับ (ฐานภาษี) คูณ อัตราภาษี ตามมาตรา 91/5 และยื่นแบบ ภ.ธ.40 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ประเภทกิจกรรม ที่กิจการเกี่ยวข้อง |
กรมสรรพากร | กรมสรรพสามิต | กรมศุลากร | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาษีเงินได้ | ภาษีมูลค่าเพิ่ม | ภาษีธุรกิจเฉพาะ | การนำเข้า | การส่งออก | |||
บุคคล ธรรมดา/นิติบุคคล | หัก ณ ที่จ่าย | ||||||
นำเข้า ผลิต และจำหน่ายในประเทศ | - | - | |||||
นำเข้า ผลิต จำหน่ายในประเทศ และส่งออก | - | ||||||
ผลิต และจำหน่ายในประเทศ | - | - | - | ||||
ผลิตและส่งออก | - | - |
ในกระบวนการผลิตผ้าไหมเพื่อจำหน่ายนั้น คุณต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 พร้อมส่งรายงานให้กรมสรรพากร โดยการจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย เพื่อรายงานว่าคุณได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าสินค้าไปทั้งสิ้นในเดือนภาษีนั้น ตามหลักฐานในเอกสารใบกำกับภาษี และจัดทำ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อแสดงปริมาณสินค้าหรือวัตถุดิบที่รับมาหรือจ่ายไปจริง และปริมาณสินค้าที่คงเหลืออยู่ การจัดทำรายงานต้องมีเอกสารประกอบเป็นใบสำคัญรับหรือจ่ายสินค้า ซึ่งควรแยกออกเป็นแต่ละประเภท ชนิดและขนาด
ทั้งนี้ ในกรณีที่คุณต้องการนำเข้าวัตถุดิบบางอย่างเพื่อถักทอผ้าไหม คุณควรศึกษาเรื่องการจัดซื้อและนำเข้าวัตถุดิบก่อนเริ่มดำเนินการผลิต ซึ่งคุณต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 และต้องทำการ ลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกตามคู่มือระบบพิธีการศุลกากรนำเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) จากนั้นต้องศึกษาเรื่องพิกัดอัตราศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม พร้อมมาตรการควบคุมการนำเข้าผ้าไหม และติดต่อกรมศุลกากรผ่านพิธีการนำเข้า ทางด่านศุลกากรทางอากาศ ทางเรือ ทางบก หรือทางไปรษณีย์ โดยต้องมีเอกสารประกอบ คือ
รายการ | พิกัดศุลกากร | อัตราอากรขาเข้า |
---|---|---|
ผ้าไหม | 5007.90.10 | 17.5% |
ไหมดิบ (ยังไม่ได้เข้าเกลียว) | 5002.00.00 | 10% |
ด้ายไหม | 5004.00.00 | 5% |
รังไหม | 5001.00.00 | 9% |
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp
จากนั้นติดต่อโรงพักสินค้าเพื่อออกของและนำของออกอารักขาศุลกากร ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบโดยใช้ระบบ e-Tracking ของกรมศุลกากร โดยผู้ประกอบการต้องจัดเก็บและรักษาเอกสารหลักฐานและข้อมูลไม่ว่าในสื่อรูปแบบใดๆ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันที่ส่งข้อมูล
และคุณต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ผลิต" "นำเข้า"
นขั้นตอนการ “ส่งออก” หากคุณเป็นผู้ประกอบการผลิต และ/หรือนำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบเพื่อทำธุรกิจอยู่แล้ว แสดงว่าคุณได้ผ่านขั้นตอนทางภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวกับกรมสรรพากร และผ่านพิธีการลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากรมาแล้ว ดังนั้น... ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่หากคุณไม่เคยนำเข้าสินค้าใดๆ ต้องทำการ ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก (ลงทะเบียน Paperless) กับกรมศุลกากรให้เรียบร้อยก่อน
ซึ่งก่อนทำการส่งออกจะต้องผ่าน ขั้นตอนพิธีการส่งออกสินค้า ของกรมศุลกากร โดยส่งข้อมูลเพื่อจัดทำใบขนสินค้าขาออก พร้อมแนบหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วน ซึ่งผ้าไหมเป็นสินค้ายกเว้นอากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ภาค 3 พิกัดอัตราอากรขาออก ประเภทที่ 9 (อัตราอากร 0%) แต่ในกรณีส่งออกผ้าไหมไปยังสหภาพยุโรป คุณจะต้องมี หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จากกรมการค้าต่างประเทศ อีกทั้งยังต้องผ่านการพิจารณาจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อรับรอง มาตรฐานของสินค้าสิ่งทอ ที่จะส่งออกไปด้วย
ทั้งนี้ คุณควรตรวจสอบข้อมูลและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศปลายทางที่นำเข้าไปด้วย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น พร้อมทั้งต้อง จัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ซึ่งต้องลงรายการภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่จำหน่ายสินค้าออกไป เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ส่งออก"
การผลิตผ้าไหมออกจำหน่าย ไม่ว่าจะ “นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตเพื่อจำหน่าย” “ผลิตเพื่อจำหน่าย-ส่งออก” หรือ “เป็นผู้ส่งออก” สิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องทำคือ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีพร้อมเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผ้าไหม ดังนี้
ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดายื่นแบบชำระภาษี ปีละ 2 ครั้ง
ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร
ตามมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลมีหน้าที่ยื่นแบบชำระภาษี ปีละ 2 ครั้ง
ตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
ตามมาตรา 68, 68 ทวิ และ 69 แห่งประมวลรัษฎากร
และในกรณีที่ขายสินค้าจนมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี (หรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจาก ภาษีขาย หักด้วย ภาษีซื้อ
เช่น |
ขาย 200 บาท เก็บ vat 7 % ซื้อสินค้า 100 บาท เสียvat 7% |
= 14 บาท = 7 บาท |
ภาษีขาย = 14 บาท
ภาษีซื้อ = 7 บาท
|
ทั้งนี้ คุณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "จำหน่าย"
สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง
ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน"
** สิทธิประโยชน์ทางภาษีของธุรกิจ SMEs
ผ้าขนหนู” มีหลากหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งานอาทิ ผ้าเ ช็ดตัว...
ในปัจจุบันสินค้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามกลายเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง อย่างต...
“การ์เม้นท์” หรืออุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งมีวงจรครอบคลุมตั้งแต...
ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างต้องช่วยกัน ทำง...
“ผ้าบาติก” หรือ “ผ้าปาเต๊ะ” เป็นผ้าชนิดหนึ่งที่ผลิตโดยการใช้เที...
"ภาษีสุรา" ...ง่าย และได้ช่วยชาติ
ใน...
“เครื่องถมและเครื่องเงินลงยา” เป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูงอีก...
ร้านขายเสื้อผ้ามีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในที่นี้ เราเน้นที่ธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้า นั่...
กล้วยตาก นับเป็นอาหารทานเล่นของชาวไทยมาแต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบัน โดยเกิ...
“น้ำมันเหลือง” ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพเยี่ยม สรรพคุณ...
ปัจจุบันผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยต่างสนใจเข้าไปใช้บริการธุรกิจเสริมความงามกันอย่างมาก ทั้งน...
“ปลาสลิด” จัดเป็นสัตว์น้ำยอดนิยมที่ถูกนำมาแปรรูป ถนอมความส...
ผลิตภัณฑ์ปลาร้านับว่าเป็นอาหารแปรรูปที่เริ่มขยับจากธุรกิจในระดับครัว เรือนหรือธุรกิจขนา...
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ซึ่งการจะก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ได้นั้น นอกเหนือจ...
ผ้าทอลายขิด เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน ผ้าทอลายขิ...
สัตว์เลี้ยง หมายถึง สัตว์ที่เราเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ซึ่งมีมากมายหลายประเภท เ ช่น สุนัข, ...
ร้านขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่จะขายอุปกรณ์เสริมของโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเช่น ที่ชาร์...
เครื่องใช้ภายในบ้านที่ทำจากไม้กำลังเป็นที่นิยมทั้งคนไทย และชาวต่างประเทศ เนื่องจากมีควา...
มะม่วงเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่รสชาติถูกปาก ประโยชน์หลากหลายถูกใจ มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวและแป...
เครื่องประดับ” เป็นของคู่กับผู้หญิงในทุกยุคทุกสมัย แต่ปัจจุบันผู้ชายก็นิยม เครื่อ...