คลินิกภาษีเครื่องประดับเงิน

“เครื่องประดับเงิน” เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นงานศิลปะที่ทรงคุณค่าซึ่งต้องใช้ความชำนาญและความอดทนในการสร้างสรรค์ ลวดลายอ่อนช้อยลงในโลหะเงิน จนกลายเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติ และเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะทำรายได้ให้กับคุณไม่น้อยเลยทีเดียว

ดาวน์โหลด

PDF

เปิดใน

Flipbook

ให้คะแนนสินค้านี้

นำเข้า ผลิตและจำหน่าย ส่งออก
  จดทะเบียน: นิติบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลอื่นๆ  
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี)
ลงทะเบียน Paperless ออกใบกำกับภาษี
(กรณีเป็นผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ลงทะเบียน Paperless
ขั้นตอนพิธีการนำเข้า จัดทำรายงานภาษี
(กรณีเป็นผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ขั้นตอนพิธีการส่งออก
ยื่นขอยกเว้นภาษี
(กรณีนำเข้าเงิน ที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นรูปพรรณ)
ยื่นแบบภาษีเงินได้ ยื่นขอยกเว้น/ขอคืนภาษี
จัดทำรายงานภาษี ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
(กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
จัดทำรายงานภาษี
ยื่นแบบภาษีเงินได้   ยื่นแบบภาษีเงินได้
ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม   ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

“เครื่องประดับเงิน” ภูมิปัญญาไทยทรงคุณค่า... สร้างรายได้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบความงดงามอ่อนช้อยสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนถึงวัฒนธรรมของเครื่องประดับเงิน และมีเป้าหมายจะก่อร่างสร้างตัวจากธุรกิจนี้ เราขอแนะนำให้คุณลองศึกษาแนวทางทำธุรกิจเบื้องต้น ที่จะทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศด้วยการชำระภาษีอย่างง่ายๆ

เรื่องประดับความรู้

เครื่องประดับเงิน ถือเป็นเครื่องประดับอีกประเภทหนึ่งที่ก้าวผ่านยุคสมัยและมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องเงินจากรุ่นสู่รุ่น ลวดลายเก่าแก่โบราณยังคงถูกรักษาไว้ได้อย่างดีจากงานหัตถกรรมที่ต้องใช้ “ความอดทน” ควบคู่กับ “ฝีมือ”

“เงิน” เป็นโลหะสีขาว มีลักษณะแข็ง สามารถตีแผ่เป็นแผ่นหนาบาง หรือเปลี่ยนรูปทรง และหลอมละลายให้อ่อนตัวได้

เงิน 100% คือ โลหะเงินล้วน ไม่ผสมกับโลหะอื่นใด มีความอ่อนตัวสูง

เงิน 90% คือ เงินผสมโลหะอื่น มีความแข็งกว่าเงิน 100% นิยมใช้ทำเครื่องประดับหรือภาชนะใส่ของที่ต้องการ

เริ่มผลิต “เครื่องประดับเงิน” ไม่ใช่เรื่องยาก

แม้ว่าการประดิษฐ์ผลงานขึ้นมาสักชิ้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจนั้น คุณสามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เริ่มจากการจดทะเบียนธุรกิจ ตามรูปแบบของการดำเนินกิจการ เช่น เป็นกิจการที่ดำเนินการโดยบุคคลธรรมดา กลุ่มบุคคล นิติบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชน

การจดทะเบียนธุรกิจ
บุคคลธรรมดา จดทะเบียนได้ที่ อบต./เทศบาล พาณิชย์จังหวัด
นิติบุคคล จดทะเบียนได้ที่ สำนักพัฒนาธุรกิจ พาณิชย์จังหวัด
วิสาหกิจชุมชน จดทะเบียนได้ที่ กรมส่งเสริมการเกษตร / เกษตรจังหวัด
สหกรณ์ จดทะเบียนได้ที่ สหกรณ์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด
SMEs จดทะเบียนได้ที่ สำนักพัฒนาธุรกิจ พาณิชย์จังหวัด

จากนั้นยื่น ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร รวมถึง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กับ กรมสรรพากรซึ่งการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นี้จะกระทำ ในกรณีที่คุณมีรายได้จากการขายเครื่องประดับเงิน เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี แต่หากรายได้จากยอดขายของคุณไม่เกินนี้ คุณก็สามารถยื่นจดทะเบียนเพื่อขอเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เช่นกัน

นอกจากนี้ในกรณีที่คุณต้องการหรือคาดการณ์ว่าจะมีการนำเข้า-ส่งออกสินค้า อันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเครื่องประดับเงินของคุณแล้วละก็ คุณมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยผู้ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ว่าในจุดประสงค์ใด จะต้อง จัดทำรายงานภาษี เพื่อใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรด้วย

การดำเนินธุรกิจ กรมสรรพากร กรมศุลกากร ภาษีสรรพสามิต
ภาษีเงินได้ กรมสรรพากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต
นำเข้าเครื่องประดับเงิน-จำหน่ายในประเทศ -
นำเข้าเครื่องประดับเงิน-ส่งออก -
ผลิตเครื่องประดับเงิน-จำหน่ายในประเทศ - -
ผลิตเครื่องประดับเงิน-ส่งออก - -
นำเข้าวัตถุดิบ-ผลิตเครื่องประดับเงิน-จำหน่ายในประเทศ ยกเว้น -
นำเข้าวัตถุดิบ-ผลิตเครื่องประดับเงิน-ส่งออก ยกเว้น -

เมื่อคุณดำเนินการตามขั้นตอนของกรมสรรพากรเรียบร้อย และมีทีมช่างผู้ชำนาญพร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องมือและวัตถุดิบ ก็ถึงเวลาฝากฝีมือไว้ในการรังสรรค์ให้โลหะเงินมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำไปอวดสายตาผู้บริโภค

เรื่องประดับความรู้

คำศัพท์...ประดับความรู้

  • “การหุ้ม” หมายถึง การตีหรือรีดเงินเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาหุ้มหรือคลุม แล้วจึงเข้าสู่ กระบวนการหล่อ
  • “หล่อ” หมายถึง การทำแม่พิมพ์ แล้วนำโลหะเงินที่หลอมละลายเทลงในแม่พิมพ์ให้เป็นรูปและลวดลายตามแม่พิมพ์นั้น แล้วค่อยดุน
  • “ดุน” หมายถึง การตีหรือรีดแผ่นเงินให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วใช้เครื่องมือกดบนผิวหน้าโลหะให้เกิดเป็นรอยลวดลาย เรียกว่า ลายดุน หรือรูปดุน ดุนเสร็จก็ต้องนำมาแกะลาย
  • “แกะลาย” หมายถึง การทำลวดลายโดยใช้วัตถุมีคม เช่น สิ่ว แกะให้เกิดเป็นลวดลาย แล้ว นำมากะไหล่
  • “กะไหล่” หมายถึง การเคลือบสิ่งที่เป็นโลหะด้วยเงินหรือทอง โดยการหลอมละลายให้โลหะเงินหรือทองเหลว แล้วนำไปทาหรือเคลือบให้ติดบนโลหะอื่น เสร็จแล้วก็เข้าสู่การคร่ำ 
  • “การคร่ำ” หมายถึง การเอาเงินฝังเป็นลวดลายในโลหะ เทคนิคการคร่ำมีทั้งโลหะที่เป็นเงินและทองคำ เรียกว่า คร่ำเงิน และคร่ำทอง นิยมทำกับภาชนะมีคม

ซึ่งเมื่อภูมิปัญญาเชิงช่างแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นเม็ดเงินแล้ว ในขั้นตอนนี้คุณมีกระบวนการทางภาษีที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ และแบบรายงานการจัดทำคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กับกรมสรรพากรด้วย

เรื่องประดับความรู้

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของคุณ

ภาษีเงินได้ เมื่อมีรายได้จากการขายเครื่องประดับเงิน คุณก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามรูปแบบธุรกิจ คือ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกระบวนการสร้างสรรค์เครื่องประดับเงิน คุณต้องมีการว่าจ้างแรงงาน ช่างฝีมือ เข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องของภาษีที่ต้องดำเนินการคือ เมื่อคุณจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการให้กับพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงาน ต้องมีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทุกครั้ง

ภาษีมูลค่าเพิ่ม หากคุณต้องซื้อวัตถุดิบ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนผลิตเครื่องประดับเงิน ราคาที่คุณซื้อจะบวกภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว เท่ากับว่าคุณเป็นผู้เสียภาษีในส่วนนี้ และเมื่อถึงคราวที่จะต้องขายเครื่องประดับเงินแสนสวยของคุณบ้าง การตั้งราคาขายอาจมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปได้ ซึ่งลูกค้าของคุณจะกลายเป็นผู้เสียภาษีนี้แทน แต่ที่สำคัญคือคุณต้องออกใบกำกับภาษีหรือบิลเงินสดให้ลูกค้าไว้เป็นหลักฐานด้วย

ทั้งนี้ คุณต้องทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี เสียภาษีประจำปี ตามรูปแบบในการจดทะเบียนดังนี้

- ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง แสดงรายการภาษีเดือนมกราคม-มิถุนายน ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 เสียภาษีภายในเดือนกันยายนในแต่ละปี และแสดงรายการภาษีเดือนมกราคม-ธันวาคม ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 เสียภาษีภายในเดือนมีนาคมปีถัดไป

- ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล ยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง

  1. ภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 เสียภาษีภายใน 2 เดือน นับแต่วันครบ 6 เดือนของรอบระยะเวลาบัญชี
  2. ภาษีเงินได้สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 เสียภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี

ซึ่งนอกจากการเสียภาษีให้แก่ภาครัฐแล้ว คุณยังสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ถือเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่งจากการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ตรงตามกำหนดเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด

การยื่นแบบภาษี

แตกต่างด้วย “การนำเข้า”

ในการทำธุรกิจเครื่องประดับเงินนั้น คุณอาจต้องข้องเกี่ยวกับการนำเข้าหลายทาง ได้แก่ การนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาจำหน่ายหรือส่งออก และการนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาเพื่อดำเนินการผลิตและจำหน่ายในประเทศหรือส่งออก

ทั้งนี้ ในขั้นตอนการนำเข้า จะมีรูปแบบที่เริ่มต้นคล้ายกันนั่นคือ คุณต้องเริ่มจาก การลงทะเบียนในระบบพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) ซึ่งลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการผ่านพิธีการนำเข้าสินค้า ซึ่งต้องศึกษา พิกัดอัตราศุลกากร สินค้าที่คุณจะนำเข้าให้ดี เช่น เงินที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นรูปพรรณ เครื่องประดับเงินสำเร็จรูป เครื่องจักร ฯลฯ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีหรือขอยกเว้นอัตราอากรขาเข้า

รายการ พิกัดศุลกากร อัตราอากรขาเข้า
เครื่องประดับเงิน 7114.11.00 20%

**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp

โดยระหว่างนี้คุณในฐานะผู้นำเข้าจะต้อง จัดทำรายงานภาษีซื้อ และ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

จากนั้นเมื่อมีรายได้จากการประกอบธุรกิจนำเข้า เพื่อซื้อมา-ขายไป หรือนำเข้าวัตถุดิบไปผลิตสินค้าจำหน่ายแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือ การยื่นแบบภาษีเงินได้ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ธุรกิจเครื่องประดับเงินของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้อง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ

การชำระภาษีอากรของเครื่องประดับเงิน

- กรณีเครื่องประดับทำด้วยเงินสำเร็จรูป เสียพิกัด 7114.10.00 อัตราร้อยละ 20 และต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม

- กรณีวัตถุดิบเม็ดเงินนำเข้ามาผลิตเป็นเครื่องประดับเงิน เสียพิกัด 7106.91.00 ได้รับการยกเว้นอากรนำเข้า แต่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

เรื่องประดับความรู้

การชำระภาษีอากรของเครื่องประดับเงิน

- กรณีเครื่องประดับทำด้วยเงินสำเร็จรูป เสียพิกัด 7114.10.00 อัตราร้อยละ 20 และต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม

- กรณีวัตถุดิบเม็ดเงินนำเข้ามาผลิตเป็นเครื่องประดับเงิน เสียพิกัด 7106.91.00 ได้รับการยกเว้นอากรนำเข้า แต่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

- กรณีการนำเข้า “เงิน” เฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นของรูปพรรณ ของผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่จะได้รับ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2546 โดยผู้ประกอบการจะต้อง ยื่นแบบ ภ.พ.01.5 ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่

อวดโฉม “เครื่องประดับเงิน” ในต่างแดน

ธุรกิจเครื่องประดับเงินเป็นสินค้าซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติด้วย ดังนั้น ตลาดส่งออกจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยคุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจส่งออกได้ด้วย การลงทะเบียนขอเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรแบบ Paperless (หากเคยลงทะเบียนในการนำเข้าเครื่องประดับเงิน หรือสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากรอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนอีก)

จากนั้นเข้าสู่ พิธีการส่งออกสินค้า แต่ที่สำคัญเมื่อมีรายได้จากตลาดต่างประเทศกลับเข้ามาแล้ว คุณต้องไม่ลืมจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ พร้อมทั้งยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ เพื่อช่วยกันนำเงินส่วนหนึ่งไปพัฒนาประเทศ

เรื่องประดับความรู้

เครื่องประดับเงิน นอกจากจะมีอัตราอากรขาออกเป็น 0% แล้ว ผู้ส่งออกยังสามารถขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับเครื่องประดับเงิน ประเภทพิกัดอัตราศุลกากร 7113.11 ในอัตราร้อยละ 0.10 ของราคาส่งออกได้อีกด้วย

ข่าวดี... ภาษีน่ารู้

สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง

ทำตาม “หน้าที่” ช่วยกันเสียภาษีเพื่อพัฒนาประเทศ

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลภาษีสินค้า อื่นๆ