ขออนุญาตตั้งโรงงาน/ประกอบกิจการโรงงานทอผ้า | |||
ขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร | |||
ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (เมื่อมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี) | |||
จดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า | |||
นำเข้า | ผลิต | จำหน่าย | ส่งออก |
---|---|---|---|
ลงทะเบียน Paperless | ภาษีมูลค่าเพิ่ม | ออกใบกำกับภาษี | การรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม |
ขั้นตอนพิธีการนำเข้า | ภาษีหัก ณ ที่จ่าย | จัดทำรายงานภาษี | การรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม |
จัดทำรายงานภาษี | จัดทำรายงานภาษี | ยื่นแบบและเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้ | ลงทะเบียน Paperless |
ยื่นแบบฯ และเสียภาษีกับกรมสรรพากร | เตรียมการยื่นแบบฯ และเสียภาษี | ขั้นตอนพิธีการส่งออก | |
จัดทำรายงานภาษี | |||
ยื่นแบบฯ และเสียภาษีกับกรมสรรพากร |
ประเภทกิจกรรม ที่กิจการเกี่ยวข้อง |
กรมสรรพากร | กรมสรรพสามิต | กรมศุลากร | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาษีเงินได้ | ภาษีมูลค่าเพิ่ม | ภาษีธุรกิจเฉพาะ | การนำเข้า | การส่งออก | |||
บุคคล ธรรมดา/นิติบุคคล | หัก ณ ที่จ่าย | ||||||
นำเข้า ผลิต และจำหน่ายในประเทศ | - | - | |||||
นำเข้า ผลิต จำหน่ายในประเทศ และส่งออก | - | ||||||
ผลิต และจำหน่ายในประเทศ | - | - | - | ||||
ผลิตและส่งออก | - | - |
ผู้ประกอบการธุรกิจผ้าฝ้ายทอขิดต้องเริ่มต้นกิจการด้วย การขออนุญาตตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานทอผ้ากับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
จากนั้น ยื่นขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร กับกรมสรรพากร เพื่อใช้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และการชำระภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ
และเมื่อคุณขายสินค้า... ไม่ว่าจะประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา นิติบุคคล คณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล หากมีรายรับจากการขายสินค้าเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี คุณก็มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่หากคุณมีรายรับไม่ถึงจำนวนดังกล่าว ก็ยังสามารถ ยื่นขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพื่อแสดงตนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนกับกรมสรรพากร หรือจดไว้เผื่อคุณคิดจะเป็นผู้นำเข้าหรือส่งออกผ้าฝ้ายทอขิด
กรมโรงงานอุตสาหกรรมแบ่งโรงงานอุตสาหกรรมออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
โรงงานจำพวกที่ 1: มีเครื่องจักรไม่เกิน 5 แรงม้า และคนงานไม่เกิน 20 คน ไม่มีการฟอก/ย้อมสี ไม่ต้องขออนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการโรงงาน
โรงงานจำพวกที่ 2: มีเครื่องจักรไม่เกิน 20 แรงม้า และคนงานไม่เกิน 50 คน ไม่มีการฟอก/ย้อมสี และไม่จัดอยู่ในโรงงานจำพวกที่ 1 ต้องขออนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการโรงงานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
โรงงานจำพวกที่ 3: มีเครื่องจักรเกิน 20 แรงม้า และคนงานเกิน 50 คน หรือโรงงานทุกขนาดซึ่งมีการฟอก ย้อมสี ต้องดำเนินการขออนุญาตเพื่อให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม อนุมัติการดำเนินกิจการ
คำว่า "ขิด" เป็นภาษาพื้นบ้านอีสาน มาจากคำว่า "สะกิด" ดังนั้น "ผ้าขิด" จึงเป็นการเรียกขานชื่อผ้าตามกระบวนการทอ คือ ผู้ทอใช้ไม้เก็บขิดสะกิดช้อนเครือเส้นยืนขึ้นเป็นจังหวะตามลวดลายตลอดหน้าผ้า และพุ่งกระสวยสอดเส้นพุ่งพิเศษและเส้นพุ่งเข้าไปตลอดแนวเครือเส้นยืนที่ถูกงัดช้อนขึ้น ช่วงจังหวะของความถี่ห่างที่เครือเส้นยืนถูกกำหนดไว้ด้วยไม้เก็บขิดจึงเกิดเป็นลวดลายขิดขึ้น
ลักษณะเฉพาะของผ้าทอลายขิด สังเกตได้จากลายซ้ำของเส้นพุ่งที่ขึ้นเป็นแนวสีเดียวกันตลอด อาจเหมือนกันทั้งผืนหรือไม่เหมือนกันทั้งผืนก็ได้ แต่ต้องมีลายซ้ำที่มีจุดจบแต่ละช่วงของลายเห็นได้ชัด
ลวดลายผ้าทอขิดส่วนใหญ่เป็นลวดลายที่ผู้ทอได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความเชื่อ เช่น ลายแมงป่อง ลายช้าง ลายพญานาค ลายดอกแก้ว ลายดอกจันทน์ ฯลฯ ในปัจจุบันอาจแบ่งกลุ่มลายผ้าทอลายขิดได้เป็น 4 ประเภท คือ ขิดลายสัตว์ ขิดลายพันธุ์ไม้ ขิดลายสิ่งของเครื่องใช้ และขิดลายเบ็ดเตล็ด
วิธีทอผ้าเก็บขิดหรือเก็บดอก ต้องมีอุปกรณ์หลักคือ ไม้ค้ำกว้างประมาณ 4 นิ้ว ยาวขนาด 2 ศอก และมีไม้ขนาดเล็กเป็นไม้สอด ใช้สำหรับเก็บขิดให้เป็นลายต่างๆ วิธีการทอผ้าขิดสามารถทำได้ดังนี้
1.คัดไม้ขิดโดยไม่มีการเก็บตะกอ เหมาะสำหรับการทอลวดลายที่ไม่ซับซ้อนมาก และต้องการเปลี่ยนลวดลายบ่อยๆ ไม้ขิดที่เก็บลวดลายจะเรียงกันไปตามลำดับบนเครือเส้นยืนซึ่งอยู่ด้านหลังฟืม
2.เก็บขิดเป็นตะกอลอย วิธีนี้ต้องผ่านการคัดไม้ขิดก่อน จากนั้นใช้ด้ายเก็บลายตามไม้ขิดที่คัดไว้ทุกเส้น เรียกว่า "เก็บตะกอลอย" วิธีนี้สะดวกกว่าวิธีแรกคือไม่ต้องเก็บขิดทุกครั้งที่ทอ แต่ใช้วิธียกตะกอลอยไล่ไปแต่ละไม้จนครบ ช่วยให้ทอลวดลายซ้ำๆ กันได้โดยไม่ต้องเก็บลายใหม่ทุกๆ ครั้ง
3.เก็บตะกอแนวตั้ง การเก็บตะกอแนวตั้งพัฒนามาจากการเก็บขิดแบบดั้งเดิม ช่วยให้ทอได้สะดวกรวดเร็วขึ้น และสามารถทอลวดลายซับซ้อนที่ต้องใช้จำนวนตะกอมากๆ ได้
ระหว่างกระบวนการผลิตในธุรกิจผ้าฝ้ายทอขิดนี้มีที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ คือ
นอกจากนี้ หากคุณเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้อง จัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อบันทึกจำนวนยอดขายสินค้าและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณได้เรียกเก็บจากลูกค้าในแต่ละวัน และต้องลงรายการภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่จำหน่ายสินค้าออกไป และเมื่อสิ้นเดือนคุณต้องรวมยอดขายและภาษีขายเพื่อยื่นแสดงกับกรมสรรพากรต่อไป
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "ผลิต"
การจะเป็นผู้นำเข้าเส้นใยและสิ่งทอ เช่น ฝ้าย และไหม เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตผ้าทอลายขิด นอกจากการจดทะเบียนพาณิชย์ การขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการที่จะนำเข้าวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าใดๆ ก็ตาม ต้อง ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรนำเข้า (ลงทะเบียน Paperless) กับกรมศุลกากรเสียก่อน (ลงทะเบียนครั้งแรกเท่านั้น) จากนั้นจึงดำเนินการตาม พิธีการนำเข้าทางศุลกากรที่ด่านศุลกากรหรือช่องทางที่นำเข้ามา ได้แก่ ทางอากาศ ทางเรือ ทางบก หรือทางไปรษณีย์ และต้อง จัดทำรายงานภาษีซื้อ และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ อีกด้วย
รายการ | พิกัดศุลกากร | อัตราอากรขาเข้า |
---|---|---|
ไม่ได้ฟอก | 5209.19.00 | 5% หรือ 3.75 บาท/กิโลกรัม |
ฟอกแล้ว | 5209.29.00 | 5% หรือ 3.75 บาท/กิโลกรัม |
ย้อมสี | 5209.39.00 | 5% หรือ 3.75 บาท/กิโลกรัม |
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp
นอกจากนี้คุณยังควรศึกษา โครงสร้างและพิกัดอัตราภาษีเกี่ยวกับสิ่งทอ เพื่อรับทราบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในกรณีที่เป็นสินค้าที่เข้าข่ายอยู่ในเขตการตกลงการค้าเสรีด้วย
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "นำเข้า"
การผลิตผ้าฝ้ายทอขิดออกจำหน่าย ไม่ว่าจะ "นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตเพื่อจำหน่าย" "ผลิตเพื่อจำหน่าย-ส่งออก" หรือ "เป็นผู้ส่งออก" สิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องทำคือ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีพร้อมเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผ้าฝ้ายทอขิด ดังนี้
และในกรณีที่ขายสินค้าจนมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี (หรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีหน้าที่ต้อง ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจาก ภาษีขาย หักด้วย ภาษีซื้อ
ทั้งนี้ คุณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ในเขตท้องที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click
**ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ "จำหน่าย"
สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง
ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน"ความนิยมของ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร”หรือที่เราเรียกอย่างติดปากว่า “อาห...
ปัจจุบันร้านหรือโรงงานผลิตเสื้อยืดสกรีนเกิดขึ้นมากมาย มีทั้งออกแบบและสกรีนเสื้อขายด้วยต...
ผ้าทอลายขิด เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน ผ้าทอลายขิ...
ร้านขายเสื้อผ้ามีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในที่นี้ เราเน้นที่ธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้า นั่...
โรงงานผลิตกระเป๋ามีความสามารถในการผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบตามความ ต้องการของลูกค้า เ...
ลูกชิ้นปลา... อาหารว่างที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในบ้านเราเสมอมา เนื่อง...
ซอสปรุงรส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรุงแต่งรสชาติอาหารของเราให้อร่อยกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมยิ...
ในปัจจุบันธุรกิจร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้รับความนิยม อย่างมากตามกระแสของคนรุ่นใหม่ท...
ธุรกิจร้านนวดแผนโบราณเป็นการนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อเท่านั้น ไม่ครอบคลุม การนวดเพื่อ...
ธุรกิจ “รถรับจ้าง” คือ ธุรกิจที่ให้บริการรถเช่าเหมาคัน (มักเป็นรถตู้หรือรถก...
ปัจจุบันเรื่องความสวยความงามกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหน วัยใดล้ว...
ธุรกิจร้านให้เช่ารถมักนิยมเปิดให้บริการในเขตเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพ, เชียงใหม่, ภู...
“ผ้าทอเกาะยอ” หรือ “ผ้าเกาะยอ”...
หินอ่อนและหินแกรนิต เป็นสินค้าที่จัดอยู่ในประเภทหินประดับ ก่อให้เกิดมู...
“น้ำพริก” อาหารพื้นเมืองที่มีอยู่ในสำรับกับข้าวคนไทยมาตั้ง...
“เครื่องเบญจรงค์” จัดเป็นภาชนะตกแต่งและเครื่องประดับที่งดงามซึ่งมีมาตั้งแต่...
เครื่องเขียนและเครื่องใช้ในสำนักงานเป็นสิ่งที่นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน
และบุคคล...
ของสะสม ของเก่า ของโบราณ จัดว่าเป็นสิ่งของที่มีอายุขัยมายาวนาน ซึ่งมีมูลค่าสูง
ห...
ปัจจุบันผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยต่างสนใจเข้าไปใช้บริการธุรกิจเสริมความงามกันอย่างมาก ทั้งน...
ร้านถ่ายเอกสาร” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้สถานศึกษา หรือใกล...